กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RETIREMENT MUTUAL FUND – RMF)

ก่อนหน้านี้การออมเพื่อเกษียนโดยปกติจะลงทุนผ่านกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ถึงแม้ว่ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นทางเลือกสำหรับการออมเพื่อเกษียน แต่ยังจำกัดอยู่ในบุคคลเพียงบางกลุ่มซึ่งก็คือพนักงานของบริษัท และ ของรัฐ นอกจากนี้จำนวนเงินลงทุนยังจำกัดอยู่ที่ห้ามเกินกว่าจำนวนที่นายจ้างลงทุนให้ มีบุคคลไม่น้อยที่ต้องการลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพแต่ไม่สามารถทำได้เพราะว่าไม่ใช่พนักงานของบริษัทหรือของรัฐ หรือ นายจ้างไม่เข้าร่วนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือ ประกอบอาชีพอิสระ เพื่อให้ทางเลือกสำหรับบุคคลที่ต้องการออมเพื่อการเกษียน กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพจึงได้ถูกก่อตั้งขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์นี้

กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพคืออะไร?

กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ คือ กองทุนรวมที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี เหมาะสำหรับบุคคลที่ต้องการลงทุนในระยะยาวเพื่อได้รับเงินทุนปลอดภาษีสำหรับใช้จ่ายในช่วยวัยเกษียนอายุ และ ไม่ต้องการรับเงินรายได้ปัจจุบันในระหว่างระยะเวลาการลงทุน

สิทธิประโยชน์ทางภาษีของผู้ลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ

  • เงินลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพได้รับการยกเว้นภาษีเต็มจำนวน แต่จำนวนเงินลงทุนที่ได้รับการยกเว้นภาษีจะเท่ากับ ไม่เกิน 15% ของรายได้ต่อปี เมื่อรวมกับ เงินลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพในปีนั้น และต้องไม่เกิน 500,000 บาท
  • กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพที่ทำการขายเมื่อนักลงทุนมีอายุครบ 55 ปี และ ลงทุนในกองทุนมาแล้วเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 5 ปี จะได้รับการยกเว้นภาษีทั้งจำนวน
  • การขายกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพเนื่องจากสาเหตุของการทุพพลภาพ หรือ เสียชีวิต จำนวนเงินกองทุนที่ขายได้ทั้งหมดจะได้รับการยกเว้นภาษี

เงื่อนไขในการลงทุนกับกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ

  1. ผู้ลงทุนจะต้องลงทุนอย่างสม่ำเสมอในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพอย่างน้อยปีละครั้ง และต้องไม่ระงับการลงทุนเกินกว่า 1 ปีติดต่อกัน ยกเว้นปีนั้นไม่มีรายได้ก็ไม่ต้องลงทุน
  2. ผู้ลงทุนต้องลงทุนขั้นต่ำ 3% ของเงินได้ในปีนั้น หรือ อย่างน้อย 5,000 บาทต่อปี แล้วแต่จำนวนใดจะต่ำกว่า
  3. ผู้ลงทุนจะต้องลงทุนเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 5 ปี และ ลงทุนจนมีอายุครบ 55 ปี
  4. ถ้าผู้ลงทุนละเมิดเงื่อนไขใน 3 ข้อแรก หรือทำการขายบางส่วนของกองทุนก่อนครบระยะเวลาการลงทุน พร้อมทั้งผู้ลงทุนได้ประโยชน์ทางภาษีที่ได้รับในช่วงเวลา 5 ปีเรียบร้อยแล้ว ผู้ลงทุนสามารถนับระยะเวลาการถือหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพใหม่นี้ ต่อเนื่องกับระยะเวลาการลงทุนเดิมได้
  5. ถ้าผู้ลงทุนได้ลงทุนมาเป็นเวลาอย่างน้อย 5 ปี และ มีอายุ 55 ปีขึ้นไป หรือ เป็นบุคคลทุพพลภาพ ผู้ลงทุนสามารถถือครองหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพต่อไปได้ โดยจะซื้อหน่วยลงทุนเพิ่มเติมหรือไม่ก็ได้
  6. เงินรายได้ที่ลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ และ ได้นำไปหักภาษีเรียบร้อยแล้ว เงินรายได้นี้ไม่สามารถนำไปหักภาษีได้อีกในปีต่อไป
  7. ผู้ลงทุนไม่สามารถนำหน่วยลงทุนของกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพไปจำหน่ายจ่ายโอน จำนำ หรือนำไปเป็นหลักประกัน

ประเภทเงินรายได้ที่อยู่ในข้อกำหนดของการลงทุน

  • เงินได้จากการจ้างแรงงาน เช่น ค่าจ้าง เงินเดือน โบนัส เบี้ยเลี้ยง บำเหน็จ บำนาญ เป็นต้น
  • เงินรายได้จากการรับทำงานให้
  • เงินรายได้จากค่าลิขสิทธิ์
  • เงินได้จากการประกอบวิชาชีพอิสระ เช่น ด้านกฎหมาย การแพทย์ วิศวกรรม สถาปัตยกรรม การบัญชี และ ศิลปกรรม เป็นต้น
  • เงินได้จากการรับโอนมาทางมรดก
  • เงินได้จากธุรกิจการพาณิชย์ การเกษตร อุตสาหกรรม และ การขนส่ง

กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพลงทุนในอะไร ?

กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพจัดอยู่ในประเภทเดียวกับหน่วยลงทุน ดังนั้นจึงสามารถลงทุนในหลักทรัพย์ หรือ ประเภทสินทรัพย์เดียวกันกับหน่วยลงทุน เช่น ตราสารทุน ตราสารหนี้ เงินฝาก ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน ตราสารอื่นๆ เช่น ทองคำ ตลอดจนใบสำคัญแสดงสิทธิ

การคำนวณเงินรายได้ที่ได้รับสิทธิ์ประโยชน์ทางภาษี

เพื่อความเข้าใจมากขึ้นในสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ผู้ลงทุนจะได้รับจากการลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ เราจะแสดงวิธีการคำนวณหาจำนวนเงินรายได้ที่ได้รับสิทธิ์ประโยชน์ทางภาษี

ตัวอย่าง  คุณพึงมีเป็นพนักงานบริษัท มีรายได้ทั้งปี 600,000 บาท โดยในปีนี้คุณพึงมีจ่ายเงินเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นเงิน 5% ของรายได้ หรือ 30,000 บาท ถ้าคุณพึงมีต้องการลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ อยากทราบว่า เงินได้จำนวนเท่าไรที่คุณพึงมีสามารถลงทุนในกองทุน เพื่อให้ได้รับสิทธ์ประโยชน์ทางภาษีสูงสุด

วิธีคำนวณ
Baht
รายได้ทั้งปี
600,000
จ่ายเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
30,000

เงินได้สุทธิที่ได้รับยกเว้นภาษี   = เงินได้สูงสุดที่ได้รับยกเว้นภาษี - เงินจ่ายเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
  = 500,000 - 30,000
  = 470,000 บาท

แต่ 15% ของเงินได้ของคุณพึงมี = 600,000 x 15% = 90,000 บาท และมีเงินจ่ายเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพอีก 30,000 บาท
ดังนั้น คุณพึงมีสามารถลงทุน 15% ของรายได้ หรือ 90,000 บาท หักด้วยเงินจ่ายเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 30,000 บาท จึงสามารถลงทุนได้สูงสุด 90,000 – 30,000 = 60,000 บาท

ตัวอย่าง  คุณพอเก็บ เป็นพนักงานบริษัท มีรายได้ในส่วนของค่าจ้างแรงงาน 1,500,000 บาท และ รายได้จากการประกอบอาชีพอิสระ 1,000,000 บาท รวมเงินได้ทั้งปีของคุณพอเก็บ เท่ากับ 2,500,000 บาท คุณพอเก็บเป็นสมาชิกของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบริษัท โดยจ่ายเงินสะสมเข้ากองทุน 5% ของรายได้ทั้งปี เป็นเงิน 75,000 บาท ถ้าคุณพอเก็บต้องการนำเงินได้ไปลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ เป็นจำนวน 250,000 บาท คุณพอเก็บจะสามารถรับสิทธิ์ประโยชน์ทางภาษีจากเงินลงทุนทั้งหมดหรือไม่

วิธีคำนวณ
Baht
รายได้ทั้งปี
2,500,000
จ่ายเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
75,000

เงินได้สุทธิที่ได้รับยกเว้นภาษี   = เงินได้สูงสุดที่ได้รับยกเว้นภาษี - เงินจ่ายเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
  = 500,000 - 75,000
  = 425,000 บาท

15% ของเงินได้ของคุณพอเก็บ = 2,500,000 x 15% = 375,000 บาท และเมื่อหักเงินสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพแล้ว จะคงเหลือ = 375,000-75,000 = 300,000 บาท คุณพอเก็บต้องการลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ด้วยเงินได้จำนวน 250,000 บาท ซึ่งไม่เกิน 300,000 บาท
ดังนั้น คุณพอเก็บ จะได้รับการยกเว้นภาษีจากเงินได้ทั้งหมดที่นำไปลงทุน 250,000 บาท

 
  ย้อนกลับ       ถัดไป